ชื่อสินค้า : ประโยชน์ของน้ำมันปลา Fish Oil

รายละเอียดสินค้า ประโยชน์ของน้ำมันปลา Fish Oil

น้ำมันปลา

ปลาทะเลจะมี กรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสร้างเองได้ โดยเฉพาะกรดไขมันประเภทโอเมก้า-3 ซึ่งมีอยู่ปริมาณมาก กรดไขมันที่สำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่กรด โดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid : DHA) และกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (Eicosapentaenoic Acid : EPA) ซึ่งปลาทะเลจะมีโอเมก้า- 3 มากกว่าปลาน้ำจืด เพราะแพลงตอนและสาหร่ายในน้ำจืดสังเคราะห์โอเมก้า- 3 ได้น้อยกว่าแพลงตอนและสาหร่ายในน้ำเค็ม

น้ำมันปลา (Fish Oil ) คืออะไร

น้ำมันปลา คือ น้ำมันที่สกัดจากเนื้อหัว หาง และหนังของปลาทะเลเช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล ปลาทูน่า เป็นต้นน้ำมันปลายังเป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นไม่อิ่มตัวที่ เรียกว่า โอเมก้า 3 (Omega 3)ประกอบไปด้วย อีพีเอ (EPA)และ ดีแอชเอ (DHA) บำรุงสมองและสายตา

 

น้ำมันปลา ( Fish Oil ) แตกต่างจากน้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) อย่างไร ?

          จากความใกล้เคียงกันของชื่อ ทำให้มีผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดกันอย่างมาก คิดว่าน้ำมันปลา และน้ำมันตับปลา คือ สารอาหารชนิดเดียวกัน แม้ว่าทั้งน้ำมันปลา และน้ำมันตับปลาจะเป็นสารอาหารที่ได้จากปลา แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของสารอาหารที่เป็นส่วนประกอบ และความปลอดภัยในการรับประทาน

ตารางด้านล่างนี้จะแสดงข้อมูลเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำมันปลา และน้ำมันตับปลาในด้านต่างๆ

ความแตกต่าง น้ำมันปลา กับ น้ำมันตับปลา

1. แหล่งที่มา 

น้ำมันปลา(Fish oil) ไขมันปลา

น้ำมันตับปลา(Cod liver oil) ตับปลา


2. สารอาหารที่ได้รับ

น้ำมันปลา(Fish oil) กรดไขมันโอเมก้า-3 คือ EPA, DHA

น้ำมันตับปลา(Cod liver oil) วิตามินA และ วิตามิน D


3.ประโยชน์

น้ำมันปลา(Fish oil) 

ลดไตรกลีเซอไรด์  ป้องกันภาวะสมองและหัวใจขาดเลือด บำรุงสมอง และสายตา ลดอาการข้อเสื่อมและข้อรูมาตอยด์

น้ำมันตับปลา(Cod liver oil) 

ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกทำให้การสร้างกระดูกเป็นไปอย่างปกติ และนิยมใช้ในเด็ก 


4.ความปลอดภัย

น้ำมันปลา(Fish oil)

มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่มีองค์ประกอบของวิตามินที่ละลายในไขมันจึงไม่มีผลต่อการทำงานของตับ

น้ำมันตับปลา(Cod liver oil)

การได้รับวิตามิน A, D ในปริมาณที่มากเกินความเหมาะสม จะทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ตับ และระบบประสาททำงานผิดปกติ จึงไม่ควรซื้อน้ำมันตับปลาให้เด็กทานเป็นประจำ นอกจากแพทย์สั่งเพราะยาจะสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดอันตรายได้


5.สารปนเปื้อน

น้ำมันปลา(Fish oil)

สารปนเปื้อนมักจะสะสมในบริเวณเนื้อปลา แต่การสกัดน้ำมันปลา ด้วยมาตรฐานการผลิตที่ดีได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น การผลิตด้วยมาตาฐานยา จะช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนของโลหะหนักได้

น้ำมันตับปลา(Cod liver oil)

ตับเป็นอวัยวะที่คอยกำจัดสารพิษ ดังนั้นน้ำมันที่ได้จากตับ จึงมีความเสี่ยงที่จะพบสารปนเปื้อนพวกโลหะหนักต่างๆ สูง


6.บุคคลที่แนะนำให้รับประทาน

น้ำมันปลา(Fish oil)

เด็ก วัยทำงาน ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร

น้ำมันตับปลา(Cod liver oil)

เหมาะสำหรับคนทั่วไป ไม่แนะนำในหญิงตั้งครรภ์ เพราะวิตามิน A ปริมาณสูงอาจอาจทำให้เกิดความผิดปกติของเด็กในครรภ์

            ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารเพื่อให้ได้กรดไขมันโอเมก้า-3 (EPA+DHA) ที่มีความปลอดภัย และให้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพนนั้น ควรรับประทานจากน้ำมันปลาที่ผลิตภายใต้มาตรฐานการผลิตยา เริ่มตั้งแต่การคัดสรรแหล่งวัตถุดิบที่ปราศจากมลภาวะปนเปื้อน และมีกระบวนการผลิตผ่านมาตรฐานยุโรปและออสเตรเลีย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาที่รับประทานจะให้กรดไขมันโอเมก้า-3 ปริมาณสูง และปราศจากสารปนเปื้อน การแต่งสี แต่งกลิ่น เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว


คุณประโยชน์ของน้ำมันปลา 

1. บรรเทาอาการโรคข้อกระดูกอักเสบ

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบริสตอลพบว่า ไขมันโอเมก้า-3 ใน น้ำมันปลา สามารถบรรเทาอาการของโรคข้อกระดูกอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเมื่อทำการทดลองให้อาหารที่มีโอเมก้า-3สูงแก่หนูตะเภาที่เป็นโรคข้อกระดูกอักเสบ พบว่าสามารถช่วยรักษาโรคได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับหนูที่กินอาหารแบบปกติ

2. ชะลอความชรา

การที่เทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นดีเอ็นเอที่อยู่ส่วนปลายสุดของโครโมโซมสั้นลง สามารถเป็นสัญญาณเตือนได้ว่าร่างกายกำลังแก่ชรา เนื่องจากเมื่อเทโลเมียร์สั้นลง ระบบการทำงานในร่างกายจะเสื่อมถอยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีเทโลเมียร์มีความสัมพันธ์กับไขมันโอเมก้า-3 เนื่องจากมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า เมื่อลองสังเกตคนไข้ 600 คนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ พบว่ายิ่งคนไข้มีไขมันโอเมก้า-3 ในเลือดสูงมากเท่าไร เทโลเมียร์ก็จะมีความยาวมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณอยากดูเด็กกว่าวัย ก็ควรบริโภคอาหารจำพวกปลาอย่างแซลมอนซึ่งนับว่าเป็นแหล่งของโอเมกา-3 ชั้นยอด

3. ช่วยให้ผลลัพธ์ของการออกกำลังกายดีขึ้น

มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การบริโภค น้ำมันปลา ควบคู่กับการออกกำลังกายสามารถช่วยให้ไขมันในร่างกายลดลง โดยให้ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานที่เป็นโรคอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจ ทำการบริโภค น้ำมันปลา ชนิดโอเมก้า-3 ควบคู่กับการเต้นแอโรบิคอาทิตย์ละสามวันเป็นระยะเวลา 12 อาทิตย์ ผลปรากฏว่าไขมันบริเวณท้องลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้ผลกับผู้ที่บริโภค น้ำมันปลา หรือออกกำลังกายแบบแยกต่างหาก

4. เสริมสร้างพลังให้สมองและความจำ

มีนักวิจัยพบว่า อาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้โครงสร้างสมองของผู้ที่บริโภคกับไม่บริโภคแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีอีกผลการศึกษาหนึ่งที่ทดลองกับหนู ก็ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างน้ำมันปลากับสมองเช่นกันโดยมีผลต่อการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวกับความจำและความคิด

5. รักษากล้ามเนื้อที่ไร้ไขมัน (Lean muscle) ในผู้ป่วยมะเร็ง

การบริโภคน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมอาจสามารถช่วยป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อของผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่านการทำเคมีบำบัดได้ ซึ่งมีการทดสอบหนึ่งได้ทำการแบ่งผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่บริโภคน้ำมันปลาจำนวน 16 คน และไม่บริโภคน้ำมันปลา 24 คน ผลปรากฏว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่สองน้ำหนักลดลงโดยเฉลี่ย 2.3 กิโลกรัม ในขณะที่ผู้ป่วยกลุ่มแรกยังคงมีน้ำหนักเท่าเดิม แต่สิ่งที่น่าสนใจในการทดลองนี้ คือ ผู้ป่วยกว่า 69 เปอร์เซ็นต์ มีมวลของกล้ามเนื้อเท่าเดิมหรือมากขึ้นอีกด้วย

6. ช่วยให้สุขภาพกระดูกดีขึ้น

ไม่เพียงแต่แคลเซียม วิตามินดี และแมกนีเซียมจะเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูกเท่านั้น แต่ยังมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิด DHA ที่เป็นสารอาหารที่จำเป็นในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า หนูทดลองที่ได้กินอาหารที่มีโอเมก้า-6 จะมีความหนาแน่นของกระดูกต่ำกว่าหนูที่กินอาหารที่มีโอเมก้า-3 อีกด้วย

7. ปกป้องร่างกายจากมลภาวะทางอากาศ

น้ำมันปลาสามารถช่วยปกป้องอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจจากมลภาวะทางอากาศได้ โดยมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า เมื่อลองให้ผู้ใหญ่วัยกลางคน จำนวน 29 คน บริโภคน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมด้วยปริมาณ 3 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 4 สัปดาห์ และให้ทุกคนไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยในกลุ่มคนดังกล่าวจะมีผู้ที่ได้รับยาหลอกด้วย (Placebo) หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาแห่งการทดลอง นักวิจัยพบว่าในกลุ่มคนที่บริโภคน้ำมันปลานั้นไม่ปรากฏอาการด้านลบต่อมลพิษเท่ากับกลุ่มที่บริโภคยาหลอก

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าน้ำมันปลามอบประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ดังนั้นการบริโภคน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมเป็นประจำ จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นได้แน่นอน

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่รับประทานน้ำมันปลา 

แม้ว่าน้ำมันปลาจะมีความปลอดภัยสูง เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี แต่ก็ยังมีข้อควรระวังที่ควรใส่ใจ

- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก เช่น ผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด หากจะเข้ารับการผ่าตัดควรแจ้งแพทย์ก่อนว่ากำลังทานน้ำมันปลาอยู่ และควรหยุดทานน้ำมันปลาก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 14 วัน

- ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ที่ดื่มสุรามากๆ หรือผู้ที่รับประทานยาจำพวกแอสไพริน หรือวอร์ฟาริน ที่มีคุณสมบัติลดการแข็งตัวของเลือด อาจจะต้องทานน้ำมันปลาอย่างระมัดระวัง 

- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้ว อาจจะต้องระมัดระวังในการทานน้ำมันปลา เพราะน้ำมันปลามีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิตอยู่แล้ว

บางรายอาจมีอาการแพ้น้ำมันปลาได้ เพราะน้ำมันปลามาจากปลาทะเล ผู้ที่แพ้อาหารทะเล หรือแพ้ปลาก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะแพ้น้ำมันปลาจจนทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องเสียได้เช่นกัน แต่หากไม่ได้มีอาการแพ้น้ำมันปลาแต่อย่างใด แต่ยังมีอาการดังกล่าว อาจแก้ไขได้ด้วยการรับประทานน้ำมันปลาหลังอาหารทันที หรือเริ่มจากการทานน้ำมันปลาในปริมาณน้อยๆ ก่อน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Honestdocs 

Mega we care

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

User name
Password

อัพเดทเวปไซด์

อาหารเสริมตามยี่ห้อ

เวชสำอางและเครื่องสำอาง

หมวดหมู่สินค้า

ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าและผิวกาย

ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม

วิตามินแยกตามหมวดหมู่

.....